บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ผู้ผลิต แปรรูป และจัดจำหน่ายกาแฟ ดอยช้าง จากจังหวัด เชียงราย วันนี้จะทีมงานของดอยช้าง ได้นำวิธีการชงในรูปแบบของ slow bar มาให้ความรู้กันครับ โดยงานนี้มีทาง G Talk Bangkok เป็นทีมงานที่จัดอีเว้นท์ให้ครั้งนี้เกิดขึ้นครับ และมีร้าน Playground bakery bangkok เป็นสถานที่ทำกิจกรรม ต้องขอบคุณทั้งหมดนี้ไว้นะครับไม่งั้นไม่ได้มารีวิว หรือมาถ่ายทอดต่อในครั้งนี้แน่ ๆ เลย
G Talk BKK x Doi Chaang Coffee
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมามีกิจกรรม ที่ทาง G Talk Bkk ร่วมมือกับ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด มาแชร์ประสบการณ์ และความรู้เกี่ยวกับ กรรมวิธีการชงกาแฟ พร้อมมี workshop ในงานอีกด้วย เรียกได้ว่าถูกใจผู้ที่ชอบและรักกาแฟ จริง ๆ ครับ
ทางทีมงาน dripstercoffee มาถึงงานก่อนเวลานิดหน่อยเลยสั่งลาเต้แก้วนี้มาดื่มครับ จากร้าน Playground Bakery Bangkok (ร้านที่เป็นสถานที่จัดกิจกรรมครั้งนี้) รสชาติอร่อยเลยครับ ลาเต้อาร์ตก็สวยดี ดื่มรองานเริ่ม ซดเพลินๆ งานก็เริ่มและกาแฟก็หมดพอดี
ดอยช้าง เชียงราย เป็น” กาแฟ “พิเศษ
พองานเริ่มขึ้นครับ ก็จะมีพรีเซ้นเทชั่น และสิ่งที่ได้ยินคือ กาแฟ ดอยช้าง จากจังหวัด เชียงราย เขาคัด กาแฟอราบิก้าชนิดพิเศษคุณภาพสูง หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า Specialty Coffee มาอยู่ในทุก ๆ ถุงที่เราซื้อไปครับจริง ๆ เขาเขียนไว้ที่ถุงกาแฟด้วยแหละครับ แต่ไม่ได้สังเกตุ เรียกว่าตาโต ขึ้นมาท้นทีเลยครับ หลังจากทีมดอยช้างแนะนำบริษัทของเขาแล้วที่นี้ได้เวลาของการ Workshop ที่เรารอค่อย
เมล็ดกาแฟ ดอยช้าง แกะออกก็หอมแล้ว
ก่อนจะเริ่มการ Workshop ครับ เจ้าหน้าที่ก็ได้แนะนำตัว เมล็ดกาแฟ ดอยช้าง ให้ดูครับ ครั้งนี้เพื่อให้เห็นชัด ๆ ว่าการชงกาแฟในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้รสชาติในการดื่มไม่เหมือนกัน Workshop ครั้งนี้เลยมีเมล็ดกาแฟอยู่ 2 แบบครับ
- PEABERRY CLASSIC
- ORGANIC SIGNATURE
ซึ่ง PEABERRY CLASSIC จะออกแนวนุ่มละมุ่นมากกว่าครับ และ ORGANIC SIGNATURE จะออกแนวหนัก ๆ เข้ม ๆ หน่อย แกะออกจากถุงก็หอมมากเลยครับ
Aeropress : กรรมวิธีการชงกาแฟ
สเตชั่นนี้ จะเกี่ยวกับการชง AEROPRESS เป็นเครื่องชงทำงานลักษณะเดียวกับเข็มฉีดยา ที่หลาย ๆ คนซื้อเก็บไว้ชงทานกันเอง ด้วยราคาที่ไม่สูงมากทำให้คิดว่าคอกาแฟควรเก็บมาไว้ที่บ้านนะครับ มาดูการชงกันครับว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
แต่ละสเตชั่น จะมีเจ้าหน้าที่จากดอยช้างมาควรแนะนำและให้ความรู้นะครับ สำหรับสเตชั่นนี้จะมีพี่อาร์ตค่อยอธิบายอยู่ครับ
เริ่มต้นการชง Aeropress เราควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมครับอุปกรณ์ที่ใช้จะมีดังนี้
- เครื่องชงกาแฟ Aeropress จะประกอบด้วยตัวปิดกระบอก, กระบอก, แท่งกดกาแฟ, กระดาษกรองกลมสำหรับ aeropress , พลาสติกสำหรับคนกาแฟ
- กา พร้อม น้ำร้อน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 97 องศา 200 มิลลิลิตร
- เครื่องชั่งน้ำหนัก และ จับเวลา
- กาแฟที่บดแล้ว 15 กรัม
- ภาชนะใส่กาแฟ
ถ้าใครที่อยากบดกาแฟเอง ทาง ดอยช้าง ก็มีกาแฟแบบที่ยังไม่บดมาให้ลองบดกันด้วยครับ จัดไปครับ
เริิ่มต้นวิธีการชง
- วาง Aeropress หงายขึ้น ไว้ที่ตาชั่งพร้อมกดรีเซตค่า
- พี่อาร์ตก็ได้ทำการแนะนำอยากแรกเลยครับ นั้นคือการวอร์มอุปกรณ์ต่าง ๆ ของการชงเริ่มจากการนำน้ำร้อนมาใส่ในกระบอกเพื่อให้อุณหภูมิ ไม่ต่างกันจนเกินไปเมื่อเรานำกาแฟและน้ำร้อนมาชง ( ถ้าอุปกรณ์เย็นอาจจะทำให้น้ำร้อน ไม่ร้อนตามที่ต้องการ) แล้วเทน้ำออก
- นำกระดาษกรองกลม ๆ ใส่ไว้ที่ปิดกระบอก และราดน้ำร้อนเพื่อล้างกลิ่นกระดาษ
- หลังจากเทน้ำร้อนที่วอร์มอุปกรณ์ออก ใส่กาแฟจำนวน 15 กรัมในกระบอก
- กดรีเซตเครืองชั่ง และใส่น้ำร้อนประมาณ 30 มิลลิลิตรเพื่อ ทำการปลุกกาแฟให้ตื่น ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 30 วินาที
- หลังจากครบ 30 วินาที เริ่มรินน้ำเพิ่มเข้าไปอีก 170 มิลลิลิตร
- ใช้ที่คน คนกาแฟในกระบอกสัก 4-5 ครั้ง
- รออีก 60 วินาที ปิดฝากระบอก และคว่ำกระบอก
- กดใส่ภาชนะที่เตรียม
Trick : พี่อาร์ตแนะนำไว้ว่า ถ้าอยากจะกาแฟเข้มก็กดกาแฟให้เร็วหน่อย ส่วนถ้าอยากให้กาแฟออกมามีความนุ่มก็ควรจะกดให้ช้าลง
ส่วนตัวผมคิดว่าเวลาการแช่ การคนกาแฟมีผลทำให้กาแฟมีรสชาติต่างกัน จริง ๆ ครับ เพราะ workshop วันนั้นวิธีการเหมือนกันแค่เวลา การกดกาแฟต่างกันก็ทำให้รสชาติมันต่างกันออกไป
Paper Drip (Pour over) : กรรมวิธีการชงกาแฟ
สเตชั่นที่ 2 เป็นการชงแบบ Paper Drip หรือกาแฟดริปของเราวันนี้เป็นการสกัดร้อนนะครับ ครั้งนี้เราจะมาอธิบายถึงการชงกาแฟดริปแบบละเอียด ๆ กันเลยทีเดียวทั้งขั้นตอนและอัตราส่วนกาแฟ
สเตชั่นนี้เจ้าหน้าที่ของเราชื่อว่าพี่โดมครับ พี่เขาดูไม่เหนื่อยเลยกับการอธิบายการทำงานของกาแฟ ดูแล้วพี่เขาน่าจะแชร์ประสบการ์ณกาแฟได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมล็ดกาแฟหรือเป็นร้านคาเฟ่ ต่าง ๆ
เริ่มต้นการชง Drip เราควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมครับอุปกรณ์ที่ใช้จะมีดังนี้ครับ
- ถ้วยสำหรับกรองกาแฟดริป
- กระดาษกรอง
- กา พร้อม น้ำร้อน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 97 องศา 300 มิลลิลิตร
- เครื่องชั่งน้ำหนัก และ จับเวลา
- กาแฟที่บดแล้ว 20 กรัม
- ภาชนะใส่กาแฟ
เริิ่มต้นวิธีการชง
- พับกระดาษกรอง สำหรับให้น้ำไหลง่าย ๆ
- นำกระดาษที่พับแล้ว ใส่ถ้วยกรอง วางบนภาชนะที่จะใช้
- วอร์มถ้วยกรอง และ ล้างกลิ่นกระดาษกรองด้วยน้ำร้อน และเทน้ำออก
- หลังจากเทน้ำร้อนที่วอร์มอุปกรณ์ออก ใส่กาแฟที่บดแล้วจำนวน 20 กรัม
- กดรีเซตเครืองชั่ง และใส่น้ำร้อนประมาณ 60 มิลลิลิตรเพื่อ ทำการปลุกกาแฟให้ตื่น ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 30 วินาที
- หลังจากครบ 30 วินาที เริ่มรินน้ำเพิ่มเข้าไปอีก 80 มิลลิลิตร ขั้นตอนนี้ใช้เวลานอประมาณ 45 วินาที
- หลังจากเวลารวมทั้งหมด 1.15 นาที เริ่มรินน้ำเพิ่มเข้าไปอีก 80 มิลลิลิตร ขั้นตอนนี้ใช้เวลารอประมาณ 45 วินาที
- หลังจากเวลารวมทั้งหมด 2 นาที เริ่มรินน้ำเพิ่มเข้าไปอีก 80 มิลลิลิตร ขั้นตอนนี้ใช้เวลารอประมาณ 30 วินาที
- หลังจากเวลารวมทั้งมัน 2.30 นาที ยกถ้วยกรองขึ้น
- คนกาแฟในภาชนะให้เข้ากันและ เพื่อลดอุณหภูมิลง
- พร้อมดื่ม
Trick : การพับกระดาษกรอง พับสักประมาณ 8 เหลี่ยม โดยพี่โดม แนะนำให้พับเพื่อการไหลของน้ำที่ริน พี่โดมยังแนะนำไว้อีกว่า ใครจะชอบกาแฟแบบไหน ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่ที่จะอยากดื่มแบบมากกว่า เมื่อเข้าใจหลักการแล้วก็ปรับเปลี่ยนได้เลย
Syphon : กรรมวิธีการชงกาแฟ
สเตชั่นที่ 3 สุดท้าย เป็นการชงแบบ Syphon วิธีการนี้จะออกแนววิทยาศาสตร์หน่อย ๆนะครับ อุปกรณ์การชงน้อยกว่า ส่วนจะใช้เวลามากหรือน้อย จะอยู่ที่น้ำถ้าอุณหภูมิน้ำของเราถ้าใช้น้ำร้อนก็จะไว้หน่อย แต่ทางทีมงาน dripster coffee เห็นขั้นตอนการทำความสะอาดแล้วมั่นใจว่าใช้เวลามากกว่าเครื่องชงอื่นแน่นอน
เริ่มต้นการชง Syphon เราควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมครับอุปกรณ์ที่ใช้จะมีดังนี้ครับ
- เครื่อง Syphon
- น้ำร้อน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 97 องศา 300 มิลลิลิตร
- กาแฟที่บดแล้ว 20 กรัม
- ภาชนะใส่กาแฟ
เริิ่มต้นวิธีการชง Syphon
- เตรียมเครื่อง และเปิด
- เทน้ำลงไป 300 มิลลิลิตร
- เมื่อน้ำร้อนจัด น้ำจะโดนดูดลอยไปอยู่ด้านบน
- เมื่อน้ำร้อนโดนดูดอยู่ด้านบนหมดแล้วให้ใส่กาแฟ 30 กรัมข้างบน
- ขั้นตอนนี้อยู่ที่เราครับว่าเราจะต้องการกาแฟเป็นอย่างไร ถ้าต้องการให้เข้มก็ให้กาแฟเขาต้มนานหน่อย ปกติก็สัก 30 วิํนาที
- ปิดเครื่องที่ให้ความร้อน กาแฟก็จะโดนกรองด้วยเครื่อง เหลือแต่กาแฟที่สกัดแล้ว
- รอให้อุณหภูมิลดลง
- พร้อมเสิร์ฟดื่ม
Trick : พี่เดชแนะนำการทำให้อุณหภูมิกาแฟลดลง มีผลทำให้รสชาติกาแฟเปลี่ยนเช่นกัน ครั้งนี้พี่เดชยังทำวิธีการลดอุณหภูมิ โดยการใช้ผ้าที่ชุบน้ำมาลูบที่เยือกที่ต้มของเครื่อง Syphon ให้ได้ชิมถึงความต่าง อีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการนำเสนอการรีวิว ครั้งนี้บอกเลยว่าทางทีมงาน dripster coffee เกือบไม่ได้ไปร่วมงานเนื่องจากคนสำรองที่นั่งไว้มาก โชคดีที่ลงชื่อเข้าร่วมได้พอดี
ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มีการจับฉลากรางวัลไปเที่ยวไร่กาแฟที่ดอยช้างด้วย โชคร้ายที่ทาง dripster coffee เราไม่ได้รางวัลนี้นะครับ ไม่งั้นเราคงได้รีวิวการไปไร่กาแฟให้ดูกัน อย่างน้อยก็ได้กาแฟจากดอยช้างมาชงดื่มปลอบใจนะ
สรุปการร่วมกิจกรรมนี้คือ เมล็ดกาแฟ ดอยช้าง จาก แม่สรวย เชียงราย นี้เป็นกาแฟพิเศษ คะแนน 80+ เลยนะครับ ดอยช้าง กาแฟ ไม่ธรรมดาจริง ๆ รีวิวครั้งนี้ dripster coffee ไม่ได้มีค่าโฆษณา อะไรทั้งสิ้นนะครับ กิจกรรมเขาดีเราเลยมาบอกต่อครับ ครั้งหน้าจะรีวิวอะไรฝากติดตามด้วยนะครับขอบคุณครับ